พุทธศตวรรษที่ 19
year
1800 | 18 | 10 | 18 | 20 | 18 | 30 | 18 | 40 | 18 | 50 | 18 | 60 | 18 | 70 | 18 | 80 | 18 | 90 | 1900 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
Event
1
2
ล้านนา
หริภุญชัย
ศรีสัชนาลัย
สุโขทัย
พิษณุโลก
สุพรรณบุรี
Pa-ngua
อโยธยา
Ramathibodi I
ละโว้
Ramesuan
- จุลศักราช ๖๘๖ ชวดศก (พ.ศ. ๑๘๖๗) แรกสถาปนาพระพุทธเจ้าเจ้าพแนงเชีง[1]
- ศักราช ๗๑๒ ขาลศก (พ.ศ. ๑๘๙๓) วัน ๖ ๖ฯ ๕ ค่ำ เวลารุ่งแล้ว ๓ นาฬิกา ๙ บาท แรกสถาปนากรุงพระนครศรีอยุทธยา
ประวัติศาสตร์ล้านนา
- พ.ศ. 1803 -- มองโกล ยึดยูนนาน
- พ.ศ. 1804 -- พญามังราย (โอรสพญาลาวเมง และนางอั๊วมิ่งจอมเมือง (ธิดาท้าวรุ่งแก่นซาย)) ครองเมืองเงินยาง [p116]
- พ.ศ. 1805 -- พญามังราย สร้างและย้ายเมืองหลวงมาที่เมืองเชียงราย [p119]
- พ.ศ. 1816 -- ขยายดินแดนไป ฝาง เริ่มแผนขยายอำนาจสู่หริภุญไชย [p119]
- พ.ศ. 1819 -- แคว้นโยนก เป็นปึกแผ่น ครอบคลุมอาณาเขต ฝาง สาด หาง พยาก เลน เชียงลาบ เชียงแขง ภูคา เชียงตุง เชียงของ เชียงคำ เทิง เวียงลอ พาน [p119 - วินัย พงศ์ศรีเพียร, ป่าไป่สีฟู-ป่าไป่ต้าเตี้ยน P36]
- พ.ศ. 1830 -- สัญญาสามกษัตริย์ [p120]
- พ.ศ. 1833 -- พญามังรายยกทัพไปพุกาม-อังวะ ระบุว่าได้ชัยชนะกลับมาจากพุกาม [p126 - ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ p30]
- พ.ศ. 1835 --
- ยึดได้เมืองหริภุญไชย [P120-121]
- กุบไลข่าน ยกทัพตีป่าไป่สีฟู เพราะพญามังราย เคยช่วยเหลือไทยใหญ่สามพี่น้อง ไล่ทัพมองโกลจากพุกาม [p126]
- พ.ศ. 1837 --
- พญามังราย ให้อ้ายฟ้าครองหริภุญไชย // ไปสร้างเวียงกุมกาม (เวียงกุมกามล่มสลาย 2200 น้ำท่วม) [p122]
- จักรพรรดิกุบไลข่าน สิ้นพระชนม์ [p125]
- พ.ศ. 1839 --
- (12 เมษายน เวลา 04:00) สถาปนาเมืองเชียงใหม่ (ศ 658 ปีระวายสัน เดือนวิสาขะ ออก 8 ค่ำ วัน 5 ไทยเมืองเปล้า) [p122]
- มองโกล ยึดเชียงรุ่ง [p146]
- พ.ศ. 1840 -- พญามังรายยกทัพไปตีเชียงรุ่งคืน และมองโกลโต้กลับ สงครามยืดเยื้อจนถึง 1841, 1843 [p146]
- พ.ศ. 1844 -- มองโกล ยกทัพยูนนานมา(?) และแพ้กลับไป [p146]
- พ.ศ. 1854 -- 1852-1854 พญามังรายเคลื่อนไหว ร่วมกับเชียงรุ่งยกไปปล้น?ยูนนาน
- พ.ศ. 1856 -- จีน? ระบุว่า ขุนเครือ (เมืองนาย) ร่วมกับเจ้าเมืองพะเยา ยกทัพมาล้อมฝาง ซึ่งเจ้าราชบุตรท้าวน้ำท่วม ครองอยู่ ท้าวน้ำท่วม ร่วมกับจีน จัดการอำนาจไว้ได้ [p148 - ปาไป่สีฟู p193]
- พ.ศ. 1868 -- พญาแสนพู ครองราชย์ (1868 - 1877) +สร้างเวียงเชียงแสน ทับเมืองเงินยางเก่า เป็นเมืองรับศึก [p145]
- พ.ศ. 1870 -- ท้าวน้ำท่วม หัวหน้าชนพื้นเมืองปาไป่สีฟู มาขออยู่ในปกครอง [p148 - ปปสฟ 187]
- เมืองปัวสมัยพญาผานอง เข้มแข็ง ร่วมมือกับโยนก ตีพะเยา [p145]
- แสนพู (1868 - 1877) คำฟู (1877 - 1879) ครองเชียงแสน [p145,147]
- [p147] จีนยกทัพมาตีเชียงแสนสมัยพญาสามฝั่งแกน / พญามังราย ให้พญาไชยสงคราม ครองเชียงดาว? / ประหารขุนเครื่อง // พญาไชยสงคราม ย้ายท้าวน้ำท่วมไปครองเชียงตุง /
- [p148] พญาผายู อภิเษกธิดาเชียงของ
ลำดับกษัตริย์ (apx)
- 1804 - 1854 มังราย
- 1854 - 1868 ไชยสงคราม
- 1868 - 1877 แสนพู - ครองเชียงแสน [p145,147]
- 1877 - 1879 คำฟู - ครองเชียงแสน [p145,147]
- 1879 - 1898 ผายู
- 1898 - 1928 กือนา
- 1928 - 1944 แสนเมืองมา
- 1945 - 1984 สามฝั่งแกน
- 1984 - 2030 ติโลกราช
- 2031 - 2038 ยอดเชียงราย
- 2038 - 2068 เมืองแก้ว
- 2069 - 2081 เมืองเกษเกล้า
- 2081 - 2086 ท้าวชาย
- 2086 - 2088 เมืองเกษเกล้า 2
- 2088 - 2089 จิระประภา
- 2089 - 2090 ไชยเชษฐา
- 2094 - 2107 เมกุฏิสุทธิวงศ์
- 2107 - 2121 วิสุทธิเทวี
- .
- 2121 - 2150 นรธาเมงสอ
- 2150 - 2151 มองซวยเทา (ช้อย)
- 2151 - 2156 มองกอยต่อ (ชัยทิพ)
- 2156 - 2158 ชัยทิพ 2
- 2158 - 2174 จม.น่าน
- 2174 - 2198 หลวงทิพเนตร
- 2198 - 2202 แสนเมือง
- 2202 - 2215 จม.แพร่
- 2215 - 2228 อป.อึ้งแซะ
- 2228 - 2250? บุตร จ.เจกุตรา
- 2250 - 2270 มังแรนร่า
- 2270 - 2270 เทพสิงห์
- 2270 - 2302 องค์คำ
- 2302 - 2304 เจ้าจันทร์
- 2304 - 2306 เจ้าขี้หุด (อดีตภิกษุวัดดวงดี)
- 2306 - 2311 โป่อภัยคามินี
- 2311 - 2317 โป่มะยุง่วน
พุทธศตวรรษที่ 20
year
1900 | 19 | 10 | 19 | 20 | 19 | 30 | 19 | 40 | 19 | 50 | 19 | 60 | 19 | 70 | 19 | 80 | 19 | 90 | 2000 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
Event
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
ล้านนา
หริภุญชัย
ศรีสัชนาลัย
สุโขทัย
พิษณุโลก
กำแพงเพชร
สุพรรณบุรี
พะงั่ว
อยุธยา
รามาธิบดี 1
ราเมศวร
บรมราชา 1 (พะงั่ว)
ทองลัน
ราเมศวร
รามราชา
นครินทราชา
บรมราชา 2 (สามพระยา)
ไตรโลกนาถ
ละโว้
ราเมศวร
ราเมศวร
รามราชา ?
- ศักราช ๗๓๑ ระกาศก (พ.ศ. ๑๙๑๒) แรกสร้างวัดพระราม ครั้งนั้น สมเด็จพระรามาธิบดีเจ้าเสด็จนฤพาน จึงพระราชกุมารท่านสมเด็จพระราเมศวรเจ้าเสวยราชสมบัติ
- ครั้นถึงศักราช ๗๓๒ จอศก (พ.ศ. ๑๙๑๓) สมเด็จพระบรมราชาธีราชเจ้าเสด็จมาแต่เมืองสุพรรณบุรีขึ้นเสวยราชสมบัติพระนครศรีอยุทธยา แลท่านจึงให้สมเด็จพระราเมศวรเจ้าเสด็จไปเสวยราชสมบัติเมืองลพบูรี
- ศักราช ๗๓๓ กุนศก (พ.ศ. ๑๙๑๔) สมเด็จพระบรมราชาธีราชเจ้าเสด็จไปเอาเมืองเหนือ แลได้เมืองเหนือทั้งปวง
- ศักราช ๗๓๔ ชวดศก (พ.ศ. ๑๙๑๕) เสด็จไปเอาเมืองนครพังค่าแลเมืองแสงเชรา ได้เมือง
- ศักราช ๗๓๕ ฉลูศก (พ.ศ. ๑๙๑๖) เสด็จไปเมืองชากังราว แลพญาใสแก้วแลพญาคำแหงเจ้าเมืองชากังราวออกต่อรบท่าน ๆ ได้ฆ่าพญาใสแก้วตาย แลพญาคำแหงแลพลทั้งปวงหนีเข้าเมืองได้ แลทัพหลวงเสด็จกลับคืนมา
- ศักราช ๗๓๖ ขาลศก (พ.ศ. ๑๙๑๗) สมเด็จพระบรมราชาธีราชเจ้าแลพระมหาเถรธรรมากัลญานแรกสถาปนาพระศรีรัตณะมหาทาตุฝ่ายบูรพทิศหน้าพระบันชั้นสิงห์สูงเส้น ๓ วา
- ศักราช ๗๓๗ เถาะศก (พ.ศ. ๑๙๑๘) เสด็จไปเอาเมืองพีศณุโลกแลได้ตัวขุนสามแก้วเจ้าเมือง แลครัวอพยพมาครั้งนั้นมาก
- ศักราช ๗๓๘ มะโรงศก (พ.ศ. ๑๙๑๙) เสด็จไปเอาเมืองชากังราวเล่า ครั้งนั้น พญาคำแหงแลท้าวผ่าคองคิดด้วยกันว่า จะยอทัพหลวง แลจะทำมิได้ แลท้าวผ่าคองเลิกทัพหนี แลจึงเสด็จยกทัพหลวงตาม แลท้าวผ่าคองนั้นแตก แลจับได้ตัวท้าวพญาแลเสนาขุนหมื่นครั้งนั้นมาก แลทัพหลวงเสด็จกลับคืน
- ศักราช ๗๔๐ มะเมียศก (พ.ศ. ๑๙๒๑) เสด็จไปเอาเมืองชากังราวเล่า ครั้งนั้นมหาธรรมราชาออกรบทัพหลวงเป็นสามารถ แลเห็นว่า จะต่อด้วยทัพหลวงมิได้ จึงมหาธรรมราชาออกถวายบังคม
- ศักราช ๗๔๘ ขาลศก (พ.ศ. ๑๙๒๙) เสด็จไปเอาเมืองเชยีงใหมแลให้เข้าปล้นเมืองนครลำภาง มิได้ จึงแต่งหนังสือให้เข้าไปแก่หมื่นณครรเจ้าเมืองณครรลำภาง ๆ นั้นจึงออกมาถวายบังคม แลทัพหลวงเสด็จกลับคืน
- ศักราชได้ ๗๕๐ มะโรงศก (พ.ศ. ๑๙๓๑) เสด็จไปเอาเมืองชากังราวเล่า ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชาธีราชเจ้าทรงพระประชวรหนักแลเสด็จกลับคืน ครั้นถึงกลางทาง สมเด็จพระบรมราชาเจ้านฤพาน แลจึงเจ้าทองลันพระราชกุมารท่านได้เสวยราชสมบัติพระนครศรีอยุทธยาได้ ๗ วัน จึงสมเด็จพระราเมศวรยกพลมาแต่เมืองลพบุรีย ขึ้นเสวยราชสมบัติพระนครศรีอยุทธยา แลท่านจึงให้พิฆาตเจ้าทองลันเสีย
- ศักราช ๗๕๗ กุนศก (พ.ศ. ๑๙๓๘) สมเด็จพระราเมศวรเจ้านฤพาน จึงพระราชกุมารท่านเจ้าพญารามเสวยราชสมบัติ
- ศักราช ๗๗๑ ฉลูศก (พ.ศ. ๑๙๕๒) สมเด็จพระรามเจ้ามีความพิโรธแก่เจ้าเสนาบดี แลท่านให้กุมเจ้าเสนาบดี ๆ หนีรอด แลข้ามไปอยู่ฟากปท่าคูจามนั้น แลเจ้าเสนาบดีจึงให้ไปเชิญสมเด็จพระอีนทราชาเจ้ามาแต่เมืองสุพรรณบุรียว่า จะยกเข้ามาเอาพระนครศรีอยุทยาถวาย ครั้นแลสมเด็จพระอีนทราชาเจ้าเสด็จมาถึงไซร้ จึงเจ้าเสนาบดียกพลเข้าไปปล้นเอาพระนครศรีอยุทธยาได้ จึงเชิญสมเด็จพระอีนทราชาเจ้าขึ้นเสวยราชสมบัติ แลท่านจึงให้สมเด็จพญารามเจ้าไปกินเมืองปท่าคูจาม
- ศักราช ๗๘๑ กุนศก (พ.ศ. ๑๙๖๒) มีข่าวมาว่า พระมหาธรรมราชาธีราชเจ้านฤพาน แลเมืองเหนือทั้งปวงเป็นจลาจล แลจึงเสด็จขึ้นไปถึงเมืองพระบางครั้งนั้น พญาบาลเมืองแลพญาราม ออกถวายบังคม
- ศักราช ๗๘๖ มะโรงศก (พ.ศ. ๑๙๖๗) สมเด็จพระอีนทราชาเจ้าทรงพระประชวรนฤพาน ครั้งนั้น เจ้าอ้ายพญา แลเจ้าญึพญา พระราชกุมารท่านชนช้างด้วยกัน ณ สะพานป่าถ่าน ถึงพิราลัยทั้ง ๒ พระองค์ที่นั้น จึงพระราชกุมารเจ้าสามพญา ได้เสวยราชสมบัติพระนครอยุทธยา ทรงพระนาม สมเด็จพระบรมราชาธีราชเจ้า แลท่านจึงให้ก่อพระเจดีย์สองพระองค์สวมที่เจ้าพญาอ้ายแลเจ้าพญาญีชนช้างด้วยกันถึงอนิจภาพตำบลปาถารนั้น ในศักราชนั้น ท่านสถาปนาวัดราชบุณ
- ศักราช ๗๙๓ กุนศก (พ.ศ. ๑๙๗๔) สมเด็จพระบรมราชาเจ้าเสด็จไปเอาเมืองนครหลวงได้ แลท่านจึงให้พระราชกุมารท่านพระนครอีนทเจ้าเสวยราชสมบัติเมืองนครหลวงนั้น ครั้งนั้น ท่านจึงให้พญาแก้วพญาใทแลรูปภาพทั้งปวง มายังพระนครศีรอยุทธยา
- ศักราช ๘๐๐ มะเมียศก (พ.ศ. ๑๙๘๑) ครั้งสมเด็จพระบรมราชาธีราชเจ้าสร้างวัดมเหยง เสวยราชสมบัติ แลสมเด็จพระราเมสวรเจ้า ผู้เป็นพระราชกุมารท่านเสด็จไปเมืองพีศนุโลก ครั้งนั้น เห็นน้ำพระเนตรพระพุทธเจ้าพระชีนราช ตกออกมาเป็นโลหิต
- ศักราช ๘๐๒ วอกศก (พ.ศ. ๑๙๘๓) ครั้งนั้น เกิดเพลิงไหม้พระราชมณเฑียร
- ศักราช ๘๐๓ ระกาศก (พ.ศ. ๑๙๘๔) ครั้งนั้น เกิดเพลิงไหม้พระที่นั่งตรีมุกข
- ศักราช ๘๐๔ จอศก (พ.ศ. ๑๙๘๕) สมเด็จพระบรมราชาธีราชเจ้าเสด็จไปเอาเมืองเชยีงใหม่ แลเข้าเอาปล้นเมืองมิได้ พอทรงพระประชวร แลทัพหลวงเสด็จกลับคืน
- ศักราช ๘๐๖ ชวดศก (พ.ศ. ๑๙๘๗) เสด็จไปปราบพรรค แลตั้งทัพหลวงตำบลปะทายเขษม ครั้งนั้น ได้เชลย ๑๒๐,๐๐๐ ทัพหลวงเสด็จกลับคืน
- ศักราช ๘๑๐ มะโรงศก (พ.ศ. ๑๙๙๑) สมเด็จพระบรมราชาธีราชเจ้านฤพาน จึงพระราชกุมารท่านสมเด็จพระราเมศวรเจ้าเสวยราชสมบัติ ทรงพระนาม สมเด็จพระบรมไตรโลกเจ้า
- ศักราช ๘๑๓ มะแมศก (พ.ศ. ๑๙๙๔) ครั้งนั้น มหาราชมาเอาเมืองซากังราวได้ แล้วจึงเอาเมืองสุกโขใทย เข้าปล้นเมืองมิได้ ก็เลิกทัพกลับคืน
- ศักราช ๘๑๖ จอศก (พ.ศ. ๑๙๙๗) ครั้งนั้น คนทั้งปวงเกิดทรพิษตายมากนัก
- ศักราช ๘๑๗ กุนศก (พ.ศ. ๑๙๙๘) แต่งทัพให้ไปเอาเมืองมลากา
- ศักราช ๘๑๘ ชวดศก (พ.ศ. ๑๙๙๙) แต่งทัพให้ไปเอาเมืองลิสบทีน ครั้งนั้น เสด็จหนุนทัพขึ้นไปตั้งทัพหลวงตำบลโคน
พุทธศตวรรษที่ 21
- ศักราช ๘๑๙ ฉลูศก (พ.ศ. ๒๐๐๐) ครั้งนั้น ข้าวแพงเป็นทะนานละ ๘๐๐ เบี้ย เมื่อคิดเสมอเบี้ยเฟื้องละ ๘๐๐ นั้น เกวียนหนึ่งเป็นเงินสามชั่งสิบบาท
- ศักราช ๘๒๐ ขาลศก (พ.ศ. ๒๐๐๑) ครั้งนั้น ให้บูรณะพระศาสนาบริบูรณ์ แลหล่อรูปพระโพธิสัตว ๕๐๐ ชาติ
- ศักราช ๘๒๒ มะโรงศก (พ.ศ. ๒๐๐๓) เล่นการมหรสพฉลองพระ แลพระราชทานแก่สงฆ์แลพราหมณ์แลวณิพกทั้งปวง ครั้งนั้น พญาซเลยีง คิดเป็นขบถ พาเอาครัวทั้งปวงไปออกแต่มหาราช
- ศักราช ๘๒๓ มะเส็งศก (พ.ศ. ๒๐๐๔) พญาซเลยีงนำมหาราชมาจะเอาเมืองพิศณูโลก เข้าปล้นเมืองเป็นสามารถ มิได้เมือง แลจึงยกทัพเปรอไปเอาเมืองกำแพงเพช แลเข้าปล้นเมืองถึง ๗ วัน มิได้เมือง แลมหาราชก็เลิกทัพคืนไปเชยีงใหม
- ศักราช ๘๒๔ มะเมียศก (พ.ศ. ๒๐๐๕) เมืองนะครรใทย พาเอาครัวอพยพหนีไปนาน แลให้พระกลาโหมไปตามได้คืนมา แล้วพระกลาโหมยกพลไปเอาเมืองสุกโขไทยได้เมืองคืนดุจเก่า
- ศักราช ๘๒๕ มะแมศก (พ.ศ. ๒๐๐๖) สมเด็จพระบรมใตรโลกเจ้าไปเสวยราชสมบัติเมืองพีดณูโลก แลตรัสให้พระเจ้าแผ่นดินเสวยราชสมบัติพระนครศรีอยุทธยา ทรงพระนาม สมเด็จบรมราชา ครั้งนั้น มหาราชท้าวลูก ยกพลมาเอาเมืองสุกโขใทย จึงสมเด็จพระบรมใตรโลกเจ้าแลสมเด็จพระอินทราชาเสด็จไปกันเมือง แลสมเด็จพระราชาเจ้าตีทัพพญาเถียนแตก แลทัพท่านมาปะทัพหมื่นณครร แลท่านได้ชนช้างด้วยหมื่นนครร แลครั้งนั้น เปนโกลาหลใหญ่ แลข้าศึกลาวทั้งสี่ช้างเข้ารุมเอาช้างพระที่นั่งช้างเดียวนั้น ครั้งนั้น สมเด็จพระอีนทราชาเจ้าต้องปืน ณ พระพักตร์ แลทัพมหาราชนั้นเลิกกลับคืนไป
- ศักราช ๘๒๖ วอกศก (พ.ศ. ๒๐๐๗) สมเด็จพระบรมใตรโลกเจ้าสร้างพระวิหารวัดจุลามุนี
- ศักราช ๘๒๗ ระกาศก (พ.ศ. ๒๐๐๘) สมเด็จพระบรมใตรโลกเจ้าทรงพระผนวช ณ วัดจุลามุนีได้ ๘ เดือน แล้วลาพระผนวช
- ศักราช ๘๓๐ ชวดศก (พ.ศ. ๒๐๑๑) ครั้งนั้น มหาราชท้าวบุญชิงเอาเมืองเชยีงใมยแก่ท้าวลูก
- ศักราช ๘๓๓ เถาะศก (พ.ศ. ๒๐๑๔) ได้ช้างเผือก
- ศักราช ๘๓๔ มะโรงศก (พ.ศ. ๒๐๑๕) พระราชสมภพพระราชโอรส
- ศักราช ๘๓๕ มะเส็งศก (พ.ศ. ๒๐๑๖) หมื่นณครรให้ลอก เอาทองพระเจ้าลงมาหุ้มดาบ
- ศักราช ๘๓๖ มะเมียศก (พ.ศ. ๒๐๑๗) เสด็จไปเอาเมืองชเลยิง
- ศักราช ๘๓๗ มะแมศก (พ.ศ. ๒๐๑๘) มหาราชขอมาเป็นไมตรี
- ศักราช ๘๓๙ ระกาศก (พ.ศ. ๒๐๒๐) แรกตั้งเมืองณครรไทย
- ศักราช ๘๔๑ กุนศก (พ.ศ. ๒๐๒๒) พระศรีราชเดโช ถึงแก่กรรม
- ศักราช ๘๔๒ ชวดศก (พ.ศ. ๒๐๒๓) พญาลานชาง ถึงแก่กรรม แลพระราชทานให้อภิเษกพญาซายขาวเป็นพญาลานชางแทน
- ศักราช ๘๔๔ ขาลศก (พ.ศ. ๒๐๒๕) ท่านให้เล่นการมหรสพ ๑๕ วันฉลองพระศรีรัตณมหาธาตุ แล้วจึงพระราชนิพนธ์มหาชาตีคำหลวงจบบริบูรณ์
- ศักราช ๘๔๕ เถาะศก (พ.ศ. ๒๐๒๖) สมเด็จพระบรมราชาเจ้าเสด็จไปวังช้างตำบลไทรย้อย
- ศักราช ๘๔๖ มะโรงศก (พ.ศ. ๒๐๒๗) สมเด็จพระเชถถาทีราชเจ้าแลสมเด็จพระราชโอรสสมเด็จพระบรมราชาทีราชเจ้าทรงพระผนวชทั้ง ๒ พระองค์
- ศักราช ๘๔๗ มะเส็งศก (พ.ศ. ๒๐๒๘) พระราชโอรสท่านลาพระผนวช แลประดิษฐานพระองค์นั้นไว้ในที่พระมหาอุปราช
- ศักราช ๘๔๘ มะเมียศก (พ.ศ. ๒๐๒๙) สมเด็จพระบรมราชาทีราชเจ้าไปวังช้างตำบลสำฤทธีบุรณ
- ศักราช ๘๔๙ มะแมศก (พ.ศ. ๒๐๓๐) ท้าวมหาราชลูกพิราลัย
- ศักราช ๘๕๐ วอกศก (พ.ศ. ๒๐๓๑) สมเด็จพระบรมราชาทีราชเจ้าเสด็จไปเอาเมืองทวาย แลเมื่อจะเสียเมืองทวายนั้นเกิดอุบาทว์เป็นหลายประการ โคตกลูกตัวหนึ่งเป็น ๘ เท้า ไก่ฟักไข่ออกตัวหนึ่งเป็น ๔ เท้า ไก่ฟักไข่สามดวงออกลูกเป็น ๖ ตัว อนึ่ง ข้าวสารงอกเป็นใบ อนึ่ง ในปีเดียวนั้น สมเด็จพระบรมใตรโลกเสด็จนฤพาน ณ เมืองพีศณูโลก
- ศักราช ๘๕๒ จอศก (พ.ศ. ๒๐๓๓) แรกให้ก่อกำแพงเมืองพีใชย
- ศักราช ๘๕๓ กุนศก (พ.ศ. ๒๐๓๔) สมเด็จพระบรมราชาทีราชเจ้านฤพาน จึงสมเด็จพระเชถถาทีราชเจ้าเสวยราชสมบัติพระนครศรีอยุทธยา ทรงพระนาม สมเด็จพระรามาธีบดี
- ศักราช ๘๕๔ ชวดศก (พ.ศ. ๒๐๓๕) ประดิษฐานมหาสถูปพระบรมธาตุสมเด็จพระบรมใตรโลกแลสมเด็จพระบรมราชาทีราชเจ้า
- ศักราช ๘๕๘ มะโรงศก (พ.ศ. ๒๐๓๙) ท่านประพฤติการเบญจาพิศพระองค์ท่าน แลให้เล่นการดึกดำบรรพ์
- ศักราช ๘๕๙ มะเส็งศก (พ.ศ. ๒๐๔๐) ท่านให้ทำการปถมกรรม
- ศักราช ๘๖๑ มะแมศก (พ.ศ. ๒๐๔๒) แรกสร้างพระวิหารวัดษรีสรรเพชญ
- ศักราช ๘๖๒ วอกศก (พ.ศ. ๒๐๔๓) สมเด็จพระรามาทีบดีเจ้าแรกให้หล่อพระพุทธเจ้าพระศรีษรรเพชญ แลแรกหล่อในวัน ๑ ๘ฯ ๖ ค่ำ (ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๐๔๓ คำนวณได้เป็นวันขึ้น ๗ ค่ำ)
- ครั้นถึงศักราช ๘๖๕ กุนศก (พ.ศ. ๒๐๔๖) วัน ๖ ๑๑ ฯ ๘ ค่ำ (ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๐๔๖ คำนวณได้เป็นวันขึ้น ๙ ค่ำ) ฉลองพระพุทธเจ้าพระศรีษรรเพชญ คณนาพระพุทธเจ้านั้นแต่พระบาทถึงยอดพระรัศมีนั้นสูงได้ ๘ วา พระพักตร์นั้นยาวได้ ๔ ศอก กว้างพระพักตร์นั้น ๓ ศอก แลพระอุระนั้นกว้าง ๑๑ ศอก แลทองหล่อพระพุทธเจ้านั้นหนัก ๕ หมื่น ๓ พันชั่ง ทองคำหุ้มนั้นหนัก ๒๘๖ ชั่ง ข้างหน้านั้นทองเนื้อ ๗ น้ำสองขา ข้างหลังนั้นทองเนื้อ ๖ น้ำสองขา
- ศักราช ๘๗๗ กุนศก (พ.ศ. ๒๐๕๘) วัน ๓ ๑๕ ฯ ๑๑ ค่ำ (ตรงกับวันอังคารที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๐๕๘ คำนวณได้เป็นวันแรม ๒ ค่ำ) เวลารุ่งแล้ว ๘ ชั้น ๓ ฤกษ์ ๙ ฤกษ์ สมเด็จพระรามาธีบดีเสด็จไปเมืองนครลำภาง ได้เมือง
- ศักราช ๘๘๐ ขาลศก (พ.ศ. ๒๐๖๑) ครั้งสมเด็จพระรามาทีปดี สร้างพระศรีสรรเพชญ เสวยราชสมบัติ แรกตำราพิชัยสงคราม แลแรกทำสารบาญชี พระราชสำฤทธีทุกเมือง
เชิงอรรถ
- ↑ พงศาวดารฯหลวงประเสริฐ
รายการอ้างอิง
- พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐ/พ.ศ. ๒๕๔๒. (2020, มกราคม 19). ใน วิกิซอร์ซ. [ออนไลน์], Retrieved, 2020, 24 เมษายน, 23:41 (UTC+7:00)
from https://th.wikisource.org/w/index.php?title=%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%B2_%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%90/%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%94%E0%B9%92&oldid=105480. - (2559) พระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐ. ใน พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น -- นนทบุรี: ศรีปัญญา, 2559. ISBN: 978-616-7146-87-4